กว่าจะได้เป็นออแพร์
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อกิ๊ฟ ตอนนี้อายุ
24 ต้องบอกก่อนเลยว่าเราไม่เคยคิดว่าจะต้องไปต่างประเทศเลย (เคยคิดจะไปเที่ยวแต่ก็เสียดายตังค์)
คิดแค่ว่าเรียนจบมาแล้ว จะทำงานอะไรดี จะดูแลพ่อแม่ยังไง จะได้เงินเดือนเท่าไร เรียนจบมา(ด้านคอม)
ภาษาก็ไม่เก่ง ที่เรียนมาก็เหมือนไม่ค่อยได้อะไร
เพราะว่ายิ่งเรียนยิ่งรู้สึกเฉยๆกับมัน จู่ๆก็ไม่ได้อยากทำงานตามที่เรียนมาซะงั้น
(เรารู้ว่าหลายๆคนก็เป็น) จนวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าทำงานที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่ง
ระหว่างวันก็จะมีช่วงว่างๆ เราก็ไม่รู้จะทำอะไร เปิดฟังเพลง หาอะไรอ่านไปเรื่อยเปื่อย
จนกระทั่งได้เข้าไปอ่านในพันทิพ เกี่ยวกับการไปเรียน ไปทำงานต่างประเทศ ตอนนั้นที่ดูรู้สึกว่าที่เยอรมันจะมีเรียนฟรีด้วยนะ
แต่ไม่ได้สนใจภาษาเยอรมันอะ ขอเอาภาษาอังกฤษให้รอดก่อน
จากนั้นก็เริ่มค้นหาข้อมูลว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไร
ได้อะไรกลับมาจากโครงการบ้าง
แต่ส่วนใหญ่ที่ดูเป็นโครงการไปเรียนต่อต่างประเทศทั้งนั้น แล้วค่าใช้จ่ายก็หลายแสน
เราก็เพิ่งทำงานเนอะ เงินเก็บไรงี้ก็ไม่มีจะไปเอาเงินหลายแสนมาจากไหน
จนกระทั่งได้มาเจอโครงการออแพร์ ดูรายละเอียดแล้ว เฮ้ยยย!
เราสนใจอ่ะ เป็นพี่เลี้ยงเด็กในต่างประเทศ มีทั้งอเมริกา ยุโรป
ออสเตรเลีย แต่ที่สนใจที่สุดก็ประเทศอเมริกานี่แหละ เหตุผลอย่างแรกของเราคือไปแล้วต้องได้ภาษา
ตอนนี้ภาษาง่อยมากๆ พออ่านออกเขียนได้ แต่พูดไม่ได้ สองเพราะเป็นงานเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กด้วย
ซึ่งเราเองก็รักเด็กอยู่แล้ว เลยตัดสินใจ เอาวะ! โครงการนี้แหละ
ค่าใช้จ่ายน้อยสุด ไปทำงานแล้วได้ตังค์ ได้เที่ยว แถมได้เรียนอีกต่างหาก คุ้มแสนคุ้ม
ดูไว้สองเอเจนซี่ แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจไปฟัง ว่าต้องทำอะไรบ้าง
(ใช้เวลาตัดสินใจประมาน 2 อาทิตย์) จากนั้นก็ลาออกจ้า
ทำงานอยู่ประมาณ 4 เดือน
ลาออกแบบไม่ได้วางแผนล่วงหน้าเลย (อันนี้ไม่แนะนำให้เอาอย่าง)
คุณสมบัติของโครงการ
แต่ละที่ก็จะคล้ายๆกัน อาจจะต่างกันตรงค่าโครงการ หรือค่าสมัครเท่านั้นเอง
ตัวอย่างของ Thai au pair
ตัวอย่างของ Cultural Care
อย่างแรกที่ตัดสินใจทำเลยคือใบขับขี่ (สำหรับคนที่มีใบขับขี่อยู่แล้วก็สบายไป) เราค้นหาข้อมูล
เอาแบบใกล้ๆบ้าน เรียนเสร็จสอบใบขับขี่เลย ได้เรียนอยู่ประมาณ 8
ชั่วโมงฝึกการขับออกถนนใหญ่ ฝึกท่าที่จะสอบและนัดวันสอบ จนกระทั่ง 1
เดือนหลังจากสมัครก็ได้ใบขับขี่มาครองสมใจ ได้มาแบบยังขับไม่แข็ง
ต้องฝึกเอาประสบการณ์อีก แต่ด้วยความที่เราไม่มีเวลามากขนาดนั้น
ยังเหลืออะไรอีกหลายอย่างที่ต้องทำ ก็ขอทำที่เหลือก่อน ค่อยมาฝึกขับทีหลังตอนนี้ก็ตัดสินใจเก็บชั่วโมงในการเลี้ยงเด็กที่โรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง
ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
ก่อนหน้าที่จะรู้จักกับโครงการนี้เราได้ไปช่วยญาติฝั่งแม่เราเลี้ยงน้อง 2 คนช่วงปิดเทอมของเรา
เลยขอให้เขาช่วยเซ็นย้อนหลังว่าเราได้เก็บชั่วโมงกับเขา ในระหว่างที่เก็บชั่วโมงที่โรงเรียนอนุบาล
ก็ฝึกภาษาอังกฤษไปด้วย เน้นนะว่าทุกวัน วันไหนเหนื่อยมากๆ ก็ฝึกน้อยหน่อย
แต่เรื่องนี้ทำเป็นประจำ ใช้เวลาผ่านไปอีก 3 เดือน
เราก็ได้ชั่วโมงตามที่เราต้องการละ ก็ไปยื่นให้กับเอเจนซี่เลย
ลำดับต่อไปก็ตรวจสุขภาพ ซึ่งผลตรวจสุขภาพอยู่ได้ประมาณ 1 ปี (ทางที่ดีรอเอเจนซี่บอกมาก่อนแล้วค่อยไปตรวจนะจ้ะ)
ทีนี้ก็เหลือเก็บเงินค่าโครงการ เพราะตอนที่สมัครเงินเก็บยังไม่มีเลย
(ปล.เรื่องเงินควรจะมีพร้อมก่อนแล้วค่อยสมัครจะดีกว่านะ) เราได้งานที่ใหม่แล้วววว
ถึงเวลา save money ของเราละจ้า
ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยว่าจะเก็บเดือนละหมื่น เราก็ได้มีโอกาสมาอยู่คอนโดแม่แฟน สนับสนุนโดยคุณแฟนเราเองจ้า
เพื่อจะให้เราเก็บเงินได้ตามที่หวัง ที่คอนโดก็มีทั้งฟิตเนส และสระว่ายน้ำ
ขอเท้าความกลับไปนิ๊ดนุง เราเคยจมน้ำมาก่อนเมื่อตอนอายุ
15
แบบเล่นน้ำที่น้ำตก แล้วน้ำมันเชี่ยวด้วยแหละ แล้วมันฝังใจอะ
หายใจไม่ออก สตง สติ ไม่มีจ้า ตะเกียกตะกาย ดีนะมีคนกระโดดลงมาช่วยทัน จากนั้นไม่เล่นน้ำอีกเลย
เพราะว่ายไม่เป็นแล้วพี่ที่เอเจนก็บอกว่า เฮ้ย คุณต้องมีสกิลว่ายน้ำนะ
โฮสบางคนอาจจะไม่ได้ต้องการสกิลนี้ แต่ถ้าคุณมีพร้อมทุกอย่าง
โฮสย่อมอยากเลือกคุณมากกว่า เคยมีคนบอกว่า ถ้าอยากว่ายน้ำได้ แต่ไม่ลงน้ำ จะว่ายเป็นได้ยังไง
นั่นแหละทำให้เราตัดสินใจซื้อชุดว่ายน้ำมาเลยจ้า แถมน้ำในสระเราก็ยืนถึง ไม่จมแน่ๆ
ได้เวลาฝึกว่ายน้ำแล้วล่ะสิ ช่วงแรกๆ บอกเลยว่าฟิตมาก มาว่ายอาทิตย์ละ 2-3 วัน ผ่านไป 4 อาทิตย์เริ่มลดลงเหลืออาทิตย์ละ 2
วัน เพราะเหนื่อยจากการทำงานด้วยแหละ ช่วงฝึกว่ายใหม่ๆ
ก็ดูท่าจากยูทูป ว่ายได้อีกประมาน 8 สัปดาห์
จากพื้นฐานที่มีอยู่น้อยนิด ก็ทำให้สกิลเพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ยังไม่แข็งมาก
แค่พอเอาตัวรอดได้
และแล้วววว...เราก็ได้คุยกับโฮสบ้านแรกจ้า
รู้สึกตื่นเต้นมาก อ่านโปรไฟล์โฮสไม่ต่ำกว่า 3 รอบ
เตรียมคำถามไว้ถามโฮส แล้วก็เตรียมคำตอบไว้สำหรับตอนสัมภาษณ์ คุยสไกป์กัน โฮสมัมและแดด
ดูใจดีมาก แต่...สุดท้ายเขาก็ไม่เลือก เราก็มามองตัวเองว่าเราทำอะไรพลาดไปหรือป่าว
แต่ก็นั่นแหละ เพราะเป็นบ้านแรกเลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ประมาณว่าถ้าได้ก็ดีเพราะภาษาเราก็ไม่ได้ดีมาก
ถือว่าเป็นประสบการณ์ จากนั้นผ่านไปเดือนนึงก็มีบ้านที่สองมา บ้านนี้ออกแนวเหมือนสัมภาษณ์งาน
โฮสมาถึงถามๆๆๆ พูดๆๆ บางทีเราก็ฟังไม่ทัน ต้อง sorry บ่อยๆ
ประกอบกับอะไรหลายๆอย่าง บ้านนี้ก็ไม่เลือกเรา แต่บ้านนี้เราก็ไม่ได้เสียใจอีกนั่นแหละ
เพราะเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ มันไม่คลิ๊กอะ ผ่านมาอีกเดือน (ระยะเวลานานมาก)
ก็มีครอบครัวที่สามเข้ามา คุยดิบดีทุกสิ่งอย่าง เขาบอกว่าเราเป็น favorite ของเขาเลยนะ แต่เขามีสัมภาษณ์อีก 2 คนแล้วจะมาบอกเรา
เรานี่ดีใจยิ้มแป้นไม่คิดว่าจะเจอที่คุยแล้วถูกใจ แถมมีแววว่าจะเลือกเราอีก
สุดท้ายแห้วจ้า ส่งเมลล์มาบอกเราว่าเลือกคนอื่นไปแล้ววว มาให้ความหวังฉันทำมายยย
แต่เราก็คิดในแง่ดี เพราะว่าตอนนั้นเรามีปัญหาด้านการเงินนิดหน่อย
ถ้าเกิดได้ขึ้นมา มีหวังต้องไปหยิบยืมเงินคนอื่นไปแน่ (สำหรับโครงการนี้เราตั้งใจจะไปด้วยเงินของตัวเองทุกบาททุกสตางค์) ก็พยายามมองโลกในแง่ดี คงจะไม่ใช่สำหรับเรา
ผ่านมาอีก 1 เดือนเพื่อนเราที่เคยไปเจอกันตอนตรวจสุขภาพก็ทักมาบอกว่า
ได้ไปสมัครอีกเอเจนซี่นึงให้เราลองไปสมัครดู ในตอนนั้น
เริ่มอยากเปิดโอกาสให้ตัวเองละ อยู่ที่นี่ผ่านมา 5 เดือนนับตั้งแต่ออนไลน์
มีโฮสมาคุย 3 บ้าน ก็ให้เพื่อนไปสมัครก่อนเลย เดี๋ยวตามไป
ตอนนี้ฉันหมุนตังไม่ทัน จากนั้นประมาณเดือนกว่าๆ เพื่อนก็ทักมาว่าได้แมชแล้ว
จะได้ไปปลายเดือนมีนาคม เราก็แบบเฮ้ยดีใจด้วย แล้วตรูทำอะไรอยู่วะเนี่ย
จากนั้นก็หาข้อมูล
โทรไปสอบถามดูว่าค่าโครงการต่างๆนานาเนี่ย ราคาประมาณเท่าไร
ถ้าเกิดว่าไม่ต่างกันมาก ก็จะไปสมัครเลย
เราใช้เวลาคิดอยู่ไม่ถึงวันก็ตัดสินใจจะสมัคร แล้วก็เดินทางไปสัมภาษณ์
เป็นช่วยปลายเดือนมกราคม โดยที่พี่คนที่สัมภาษณ์บอกว่าภาษาอังกฤษที่จะใช้วัดมี 6
ระดับ ถ้าเราพูดได้ อยู่ระดับ 5 หรือ 6
เราจะไม่ต้องจ่ายเงินค่าออนไลน์ สามารถออนไลน์คุยกับโฮสได้เลยมีระยะเวลา
1 ปีถ้าเกิดว่าไม่ได้โฮสก็เท่ากับไม่ต้องเสียเงินอะไรเลย
ถ้าได้โฮสก็ค่อยมาจ่ายตอนนั้น คิดในใจว่าเอาวะ ถ้าดวงเราไม่ได้ไป อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่าอะไรแล้ว
และผลปรากฏว่าเราได้ระดับ 5 จ้าไม่คิดไม่ฝันว่าภาษาอังกฤษของเราจะพัฒนามาขนาดนี้
ปล.ก็ไม่ได้เก่งนะ แต่เตรียมตัวมาดี อิอิ (สำหรับเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษต่างๆ
สอบถามกันมาได้จ้า)
เราใช้เวลาไม่นาน ในการเริ่มทำเอกสารใหม่
คือการนำใบที่ใช้เก็บชั่วโมงของเอเจนซี่ใหม่ไปให้คนที่เราไปช่วยเลี้ยงน้องหรือโรงเรียนที่เราไปฝึกเซ็นให้ใหม่
แต่เนื่องจากเราฝึกจบออกมาแบบสวยงาม
ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการเข้าไปขอให้เซ็นให้อีกครั้งหนึ่ง
ให้ครูที่มหาวิทยาลัยช่วยเซ็นรับรองให้ เราใช้เวลาประมานอาทิตย์กว่าๆ
ในการออนไลน์กับที่ใหม่ ยื่นส่งเอกสาร จากนั้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ เราก็ได้ออนไลน์สมใจ
ผ่านไปอาทิตย์แรกก็มีโฮสมาวิวแล้ว แต่ก็ไม่ได้คุย ผ่านไปอีก 1
อาทิตย์ก็มีโฮสอีกบ้านมาโฮลโปรไฟล์ไว้ จากนั้นก็ได้คุย แล้วก็ผ่านไป
1 เดือนมีโฮสมาแค่ 1 ครอบครัวอีกแล้ว
เรามองย้อนดูโปรไฟล์ตัวเองนะ
เนื่องจากใช้วิดีโอตัวเดิม จดหมายตัวเดิม หรือเป็นเพราะวิดีโอของเรานะ
มันไม่น่าสนใจ เราเลยตัดสินใจทำวิดีโอใหม่ เพิ่มทั้งลูกเล่นใหม่ๆ เรียบเรียงประโยคใหม่
ผ่านไป 1 วันมีโฮสเข้ามาจริงๆ ด้วย แล้วก็ไปอัพโหลดวิดีโอที่เอเจนเก่าด้วย จากนั้นก็ได้คุยสไกป์กับโฮสบ้านนี้ถึงสองครั้ง
เป็นการทำลายสถิติที่ผ่านมาอย่างมาก แต่....สุดท้ายเขาก็ไม่เลือกเรา เสียใจอะ
แต่รอใหม่ค่ะ จากนั้น อีก 5 วันก็มีบ้านใหม่เข้ามาอีก
แล้วก็ไม่ใช่ ที่เอเจนเก่าก็มีโฮสมาอีกนะ
จนกระทั่งบ้านที่เราใช่สำหรับเขาก็เข้ามาค่ะ
มาวันที่ 30 มีนาคม คุยกันไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง
สัญญาณไม่ดีละค่ะ มือถือเราเอง 4g หมด
ใช้ครบตามจำนวนดาต้าทั้งหมดแล้ว แต่โฮสบอกว่าไม่เป็นไร เราค่อยคุยกันอีกที
รู้สึกมีความหวังขึ้นมาเลยค่ะ โฮสเปลี่ยนมาถือโปรไฟล์เราเป็นตัวจริง (ที่เอเจนใหม่โฮสถือโปรไฟล์ได้
3 คน 1 คนเป็นตัวจริงถือนานเท่าไรก็ได้ อีกสองคนเป็นตัวสำรอง) แล้วบอกว่ามีคุยอีกสองคน
เราก็ลุ้นๆ นะ จนกระทั่งได้คุยสไกป์รอบที่ 2 ครั้งนี้คุยประมาณ 10 นาที
แบบหน้าตามีความหวังสูงมาก
และแล้วเช้าวันหนึ่งเราก็ตื่นมาพบกับอีเมลล์ที่ถูกส่งมาตอนตีหนึ่งครึ่ง ว่าจะขอสไกป์ด้วยตอน
7 โมงเกี่ยวกับวันที่จะบินเราโอเคหรือเปล่า ตอนนั้นยังคงเมาขี้ตาอยู่ เลยบอกว่า
7.30 ได้มั้ย 555+ แล้ววันนี้โฮสก็ขอแมชกับเราจ้า โอ๊ย!! ตื่นเต้นสุดๆ
ยังไม่ได้บอกใครจนกว่าจะได้รับการคอนเฟิร์มจากเอเจนซี่ หรือไม่ก็เมลล์ยืนยัน
เมลล์มาในวันต่อมาช่วง 4 ทุ่ม เป็นเจ้าหน้าที่จากบอสตันโทรมาเลย
ว่าแมชกับบ้านนี้นะ เดินทางวันที่เท่านี้นะ ความฝันเป็นจริงสักที!! ยิ้มหน้าบาน ได้บอกครอบครัวสักที ที่บ้านตื่นเต้นกันใหญ่
กลับมาที่เอเจนเก่าบ้าง หลังจากแมชได้ 1
วัน โฮสจากเอเจนเก่าบูมมากจ้ะ (เราคิดว่าน่าจะเป็นเพราะวิดีโอรึป่าว?)
เข้ามาถึง 3 บ้าน แต่เราได้ปฏิเสธไปทั้งหมดแล้ว พร้อมกับยกเลิกที่เก่าด้วย
รู้สึกมีตัวเลือกเยอะก็ตอนนี้แหละ ตอนแรกนี่เงียบมากกกก
ได้บินเดือนกรกฎาคมนี้แล้วน้า
หลังจากแมชแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากมาย
อาทิเช่น ชำระค่าวีซ่า ชำระเงินค่าโครงการ กรอกข้อมูลใน DS-160
ถ่ายรูป 2*2 นิ้ว ตรวจสุขภาพ ไปเวิร์คช็อป ทำใบขับขี่สากล
แล้วก็ไปขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม ซึ่งขั้นตอนพวกนี้เราทำไปบางส่วนแล้ว
ส่วนที่จะมาบอกในครั้งหน้าคือ การไปตรวจสุขภาพ ไปเวิร์คช็อปได้ทำอะไรบ้าง
การทำใบขับขี่สากล และการไปสัมภาษณ์วีซ่า
สวัสดีค่ะ ตอนนี้่กำลังเตรียมเอกสารสำหรับออนไลน์ ตอนนี้ตื่นเต้นมากมีหลายคำถามอยากจะถามรบกวนติดต่อกลับที่เมล์ maprang.savitree@gmail.com หน่อยได้มั๊ยค่ะ
ReplyDeleteขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ^^
GreatAuPair USA เปิดรับสมัครผู้สมัครจากประเทศไทย อายุ 18 - 26 ปี เข้าร่วมโครงการ J-1 Au Pair in America เป็นระยะเวลา 1 - 2 ปี สมัครกับตัวแทนอย่างเป็นทางการ ณ ประเทศไทย https://www.belovedthaiaupair.com/โครงการออแพร์อเมริกา/ สอบถามเพิ่มเติม LINE ID : Belovedthaiaupair ค่ะ
ReplyDelete